LTF ซื้อเถอะ ดีกว่าเสียเงินเปล่าไปกับค่าภาษี

LTF

เป็นเรื่องที่คนยุคใหม่อย่างพวกเราควรรู้ไว้นะครับ อะไรบ้างที่สามารถลดหย่อนภาษีประจำปีของเราได้บ้าง การวางแผนการเงินเพื่อลดหย่อนภาษีไม่ได้เป็นการเอาเปรียบผู้อื่นและไม่ใช่การเลี่ยงภาษี

ในทางกลับกันการที่เราปฏิบัติตามเงื่อนใขต่างๆ ตามที่รัฐกำหนดมาให้และได้รับการลดหย่อนภาษีนั้น เป็นการที่เราปฏิบัติตามนโยบายที่รัฐหรือประเทศชาติอยากให้เราปฏิบัติ

ในเรื่องการซื้อกองทุน LTF ก็เช่นกัน ที่รัฐเขาลดภาษีให้กับคนซื้อก็เนื่องจากอยากให้คนในประเทศรู้จักการลงทุนและการออมเงิน เพราะคนที่จะลงทุนในกองทุนนั้นจะต้องมีการวางแผนการเงินของตนโดยรัดกุม และในระยะยาวหากประชาชนมีเงินสำรอง(ที่อยู่ในรูปของกองทุน)เป็นของตนเองกันมากๆ ก็จะได้อยู่กันอย่างไม่เดือดร้อนแล้วก็จะได้ไม่ไปละเมิดกฎหมายหรือระเบียบของสังคม

กองทุน LTF คืออะไร

กองทุน LTF ย่อมาจากคำว่า Long Term Equity Fund ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดหนึ่งที่จะเอาเงินของผู้ซื้อหน่วยการลงทุน ไปลงทุนต่อกับอย่างอื่นโดยการลงทุนนั้นจะถูกเลือกโดยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ในส่วนมากก็จะเอาไปลงทุนกับตราสารทุน(หุ้น)หรือตราสารหนี้(พันธบัตรต่างๆ)(หรือเข้าใจง่ายๆก็คือไปซื้อสิทธิในการได้รับชำระหนี้ของพวกเจ้าหนี้ต่อมานั่นเอง) ส่วนความแตกต่างกับกองทุนรวมอย่างอื่นก็คือคำว่า Long Term หมายถึงระยะยาว  คำว่าระยะยาวในที่นี้หมายถึง 7 ปี แต่ไม่ไช่ว่าห้ามขายเลยเด็ดขาด 7 ปีนะครับ เราขายได้แต่กรมสรรพากรเค้าจะปรับเงินในส่วนที่เราเคยได้ลดภาษีไปแล้วพร้อมกับคิดดอกเบี้ยเราเพิ่มด้วย

LTF

มันลดภาษีได้ยังไง

การคิดภาษีนั้นคือการที่นำเงินได้หรือเงินเดือนของเราทั้งปี ลบค่าใช้จ่าย(รัฐกำหนดค่าใช้จ่ายเท่ากันทุกคนคือ 60000 บาท) หรือหากใครมีคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ หรือมีบุตรที่ไม่บรรลุนิติภาวะ หรือมีพ่อแม่แก่เกินกว่า 60 ปี ที่ไม่มีรายได้ ก็จะสามารถหักค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ตามอัตราที่กฎหมายกำหนดมา และมีสิ่งพิเศษที่สามารถนำมาหักได้อีกคร่าวๆคือ เบี้ยประกันชีวิต,เบี้ยประกันของบิดามารดาหรือคู่สมรสที่ไม่มีรายได้,เงินจ่ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ,เงินซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF),เงินซื้อกองทุน LTF และอื่นๆ อีกนิดหน่อย จากนั้นก็เอามาดูว่ารายได้สุทธิอยู่ในช่วงใหนของอัตราภาษี

อัตราค่าภาษีltf
LTF

ทีนี้เรามาลองดูตัวอย่างการคำนวณว่า LTF สามารถลดหย่อนได้อย่างไรบ้าง

เงินลงทุน LTF จะนำไปหักภาษีได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นของรายได้รวมของเรา และห้ามเกิน 500000 บาทยกตัวอย่างเช่น ผมมีเงินเดือนเดือนละ 30000 บาท รายได้รวมของผมต่อปีคือ 30000 * 12 = 360000 บาท  ผมจะเอาเงินที่ซื้อกองทุน LTF มาหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 54000 บาท(15 เปอร์เซ็น) ถ้าผมซื้อกองทุนรวมไป 54000 บาท และได้รับหักลดหย่อนค่าครองชีพอีก 60000 บาท เท่ากับว่ารายได้สุทธิในปีนั้นของผมคือ 246000 บาท อยู่ในช่วงอัตราภาษี 5 เปอเซ็น เท่ากับว่าผมต้องจ่ายเงินภาษีให้รัฐปีละ 246000 * 5 / 100 = 12300 บาท ในทางกลับกันหากผมเพิกเฉยไม่ยอมซื้อกองทุนรวมเลย จะทำให้รายได้สุทธิของผม เกินกว่า 300000 บาทต่อปี และจะต้องเสียภาษีในอัตรา 10 เปอเซ็น หรือเป็นเงินกว่า 30000 บาท เลยทีเดียว ยังไม่รวมถึงเงินที่ลงทุนไปนั้น จะไปงอกเงยอีกด้วย โดยอัตราเฉลี่ยของการลงทุนในกองทุนรวมระยะยาวเช่นนี้ ในระยะยาวประมาณ 7 ปี ทำให้เงินของเราเพิ่มขึ้นได้ถึง 2 เท่าอีกด้วย

Thanks for Reading

Enjoyed this post? Share it with your networks.

Leave a Feedback!