Category: วอเรนท์-บัฟเฟตท์

รายการวินิจฉัยหุ้นบริษัทซึ่งมีความผันผวนสูง และ เงินเฟ้อ

หุ้นซึ่งมีความผันผวนสูง หุ้นซึ่งมีความผันผวนสูงนั้น คือหุ้นที่มีความสัมพันธ์กับวัฏจักรขององค์กรและวัฏจักรของเศรษฐกิจ ซึ่งหากคุณมองเห็นว่าเป็นการลงทุนที่เป็นไปได้ คุณต้องทำความเข้าใจในบริบทขององค์กรและเศรษฐกิจเป็นอย่างดี เพราะมันสามารถชักนำให้องค์กรของคุณเจริญรุ่งเรืองหรือตกต่ำได้ภายในเวลาอันสั้น เราสามารถแบ่งสินค้าต่างๆออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ สินค้าจำเป็น และ สินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าที่จำเป็น องค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่จำเป็น ถือว่าเป็นองค์กรที่ปราศจากความผันผวน ตัวอย่างเช่น อาหาร สินค้าเพื่อสุขภาพ ประกันภัย ไฟฟ้า น้ำ และก๊าซ สินค้าที่ฟุ่มเฟือย ส่วนองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่ฟุ่มเฟื่อย ถือว่าเป็นองค์กรที่มีความผันผวนสูง ผู้คนสามารถเลื่อนการซื้อสินค้าหรือบริการเหล่านี้ออกไปได้เรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น รถยนต์ การท่องเที่ยว …

การวินิจฉัยกำไรต่อหุ้น ของบัฟเฟตต์

วิธีการคำนวณการเติบโตของกำไรของบริษัท ภายในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา หากบริษัทมีอายุการจัดตั้งและได้ดำเนินการเสนอขายหุ้นให้แก่สาธารณะชนครั้งแรก (IPO : ไอพีโอ) น้อยกว่าระยะเวลา 10 ปี ให้พิจารณาประวัติการเติบโตของกำไรต่อหุ้นตั้งแต่วันแรกของ IPO การคำนวณอัตราการเติบโตด้านกำไรของบริษัท การคำนวณอัตราการเติบโตด้านกำไรของบริษัทตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ว่าได้กำไรจำนวนเท่าไหร่ มีแนวโน้มการเติบโตอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ มีวิธีการคำนวณดังนี้ กำไรต่อหุ้น = รายได้สุทธิของบริษัท ÷ จำนวนของหุ้นซึ่งอยู่ในมือของผู้ถือหุ้น (หุ้นที่เรียกชำระแล้ว) ส่วนการคำนวณเพื่อให้ทราบอัตราการเติบโตของกำไรของหุ้น มีวิธีการดังนี้ อัตราผลตอบแทน           = …

แนวคิดเล่นหุ้นตอนตลาดแดง ของบัฟเฟตต์

กฎข้อแรกในการลงทุนของวอร์เรน บัฟเฟตต์ กฎข้อที่ 1 อย่าสูญเสียเงิน กฎข้อที่ 2 อย่าลืมกฎข้อที่ 1 งานหนักของนักลงทุนคืออะไร             งานหนักของนักลงทุนคือ หลีกเลี่ยงการขาดทุนมูลค่าแบบถาวร ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีหลักทรัพย์การลงทุน 100,000 เหรียญ และการขาดทุนมูลค่าแบบถาวร 50,000 เหรียญ นั่นหมายความว่า คุณสูญเสียเงินทุนของคุณไป 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เสมอตัว คุณต้องหากำไรจากการลงทุน 50,000 เหรียญ มาจากการลงทุน 50,000 …

การนำกำไรไปลงทุนต่อเพื่อการพัฒนาของบริษัท

การเลือกลงทุนธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานที่ดี ทำกำไรได้ดี ก็จะมีจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอทุกปในการลงทุนในแต่ละครั้ง คุณจำเป็นต้องรู้จักเกี่ยวกับธุรกิจนั้น ๆอย่างไม่มีข้อสงสัยเสียก่อน ควรพิจารณาถึงปัจจัยในหลายๆด้านที่ส่งผลต่อผลตอบแทนและความมั่นคงทางธุรกิจ ยิ่งผลตอบแทนของกำไรมากเท่าไหร่นั่นหมายถึงว่า ผู้บริหารมีความสามารถในการบริหารจัดการและสร้างผลกำไรให้กับบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีค่าใช้จ่ายหรือการลงทุนเพื่อการแข่งขันมากน้อยเพียงไร       บางครั้งการลงทุนสำหรับการวิจัยและพัฒนาบริษัทสำหรับธุรกิจประเภทอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก หากไม่มีการพัฒนาและนำเสนอสินค้าใหม่ๆ บริษัทก็ไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งได้ และถูกแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไป หรืออาจนำไปสู่การปิดการลงทุนนั้นไปเลย       หากบริษัทใช้รายได้ส่วนใหญ่ไปกับการลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดผลกำไรแก่บริษัทมากเกินไป อาจทำให้บริษัทขาดโอกาสที่จะไปเพิ่มมูลค่าในส่วนของผลตอบแทนผู้ถือหุ้นน้อยลงด้วย อย่างเช่น การขยายธุรกิจ การซื้อหรือขายหุ้นคืน การซื้อธุรกิจอื่น และการจ่ายปันผล มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มผลกำไรสม่ำเสมอทุกปี กลยุทธ์ทางการตลาด       บริษัทที่ทำผลกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ บริษัทที่ดีจะนำผลกำไรเหล่านั้นเพิ่มมูลค่าผลตอบแทนด้วยการซื้อกิจการเพิ่ม คุณจำเป็นต้องหาข้อมูลว่าบริษัทนั้นนำเงินไปลงทุนธุรกิจประเภทไหน เป็นธุรกิจประเภทเดิม …

เลือกหุ้นด้วยพื้นฐานธุรกิจของบริษัท

หากคุณซื้อหุ้นของธุรกิจโดยเชื่อว่าคุณเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของบริษัท คุณจะทำตัวแตกต่างจากผู้คนในตลาดหุ้น นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นเชื่อว่าตลาดหุ้นคือคาสิโนขนาดใหญ่และหุ้นก็คือตัวเพื่อเข้า มาเล่นเกมการตัดสินใจซื้อขายของนักลงทุนมากมายเป็นการมองเพียงราคาเท่านั้นและไม่มีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานของบริษัท พวกเขาพยายามคาดเดาว่าราคาหุ้นจะเป็นอย่างไรในระยะสั้นและพยายามทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคา และคิดว่าพวกเขาเป็นนักลงทุน แต่ใน ความเป็นจริงแล้วเขาคือผู้ซื้อขาย พยายามคาดเดาว่าตลาดจะเป็นเช่นไรในระยะสั้นและซื้อหรือขายสิ่งที่ถือไว้ โดยพึ่งพิงการคาดเดาเหล่านั้น การคาดเดาตลาดเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การคาดเดา ตลาดหุ้นนั้นไม่ก่อให้เกิดผล อย่างไรก็ตามผู้ซื้อขายใช้เวลาและพลังงานมหาศาลพยายามจะทำเช่นนั้น การคาดหวังของตลาดหุ้นในปีถัดไป ในช่วงปลายปีคุณจะได้เห็นผู้รู้ของตลาดและผู้จัดการเฮดจ์ฟันต์ พยายามคาดเดาตลาดในปีหน้า คุณสามารถกลับไปดูการคาดเดาพวกเขาในปีที่ผ่านๆ มาและดูว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นจริง และคุณจะพบว่า90 เปอร์เซ็นต์ของการคาดเดาเหล่านั้นผิดพลาด อีก 10 เปอร์เซ็นต์ที่เหลืออาจถูกต้องแต่นั่นก็เป็นเพราะโชคเพียงอย่างเดียวไม่ใช่สิ่งอื่น เมื่อใดก็ตามที่ผู้รู้เหล่านั้นมั่นใจและคาดหวังกับตลาด สิ่งเกิดขึ้นก็คือตลาดพังครืน เมื่อใดก็ตามที่พวกเขากังวลว่าโลกจะอวสานสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะตรงกันข้าม ยกตัวอย่างเช่น ลองกลับไปดูการการคาดเดาตลาดโดยผู้รู้ในวอลล์สตรีทหลังจากวิกฤตทางการเงินระหว่างช่วงสิ้นปี 2008 …

แนวคิดการเลือกหุ้นเพื่อการลงทุนระยะยาว

หากจะแบ่งประเภทของการลงทุน ก็จะสามารถแบ่งอย่างกว้างๆออกมาได้เป็น 2 ประเภท นั่นคือ การลงทุนระยะสั้น การลงทุนระยะยาว ซึ่งในแต่ละประเภทนั้นก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไป ข้อดีของการลงทุนระยะยาว ในการลงทุนซื้อหุ้นในระยะยาวนั้นไม่เหมือนกับการออมเงินแบบฝากประจำกับธนาคาร ที่คุณจะแค่เอาเงินไปลงทุนไว้แล้วก็ลืมมันไปได้เลยจนกว่าจะครบระยะสัญญา แต่คุณจะต้องคำนึงถึงการเติบโตขององค์กร รายได้และผลกำไร และยังต้องทำการติดตามความเปลี่ยนแปลงต่อไปในทุกไตรมาสอีกด้วย นักลงทุนจำนวนมากมักจะมองเห็นผลลัพธ์ระยะสั้นที่ฉาบฉวย หากราคาหุ้นขึ้นในระยะเวลาสั้นๆหลังจากที่ซื้อมา พวกเขาจะมองว่าตัวเองนั้นคิดถูกและเกิดความภาคภูมิใจ แต่หากราคาหุ้นนั้นตกลงมา พวกเขาจะมองว่าตัวเองนั้นเป็นผู้แพ้และเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี ซึ่งการลงทุนในระยะยาวนั้นคุณต้องเพิกเฉยต่อการผันผวนของราคาหุ้นที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำในทุกวัน หากองค์กรที่คุณถือหุ้นอยู่นั้นเติบโตขึ้นในอัตราที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ คุณก็ควรที่จะถือหุ้นนั้นต่อไปเพื่อกำไรในระยะยาว การลงทุนระยะยาว คุณควรคำถึงถึงพื้นฐานขององค์กรด้วย เช่นกัน ในการลงทุนระยะยาวนั้น คุณควรคำถึงถึงพื้นฐานขององค์กรด้วย โดยทั่วไปแล้วการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นระยะสั้นในแต่ละวันนั้นมักไม่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานขององค์กร แต่ในระยะยาวแล้วการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานภายในองค์กรถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และมันจะสะท้อนถึงราคาหุ้นด้วย …