ในปัจจุบันนี้ เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ที่จะช่วยมาทำให้ชีวิตของคนในยุคสมัยนี้ง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ร้านค้าและบริการออนไลน์ รวมไปถึงบัตรแทนเงินสดต่าง ๆ ที่ทำให้เราไม่จำเป็นต้องพกเงินสดเป็นจำนวนมากในกระเป๋าไว้ ให้กลัวว่าจะหาย ทั้งยังสามารถทำธุรกรรมสินเชื่อออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส ซึ่งบัตรแทนเงินสดจะมีหลากหลายประเภท อาทิเช่น บัตรเดบิต ซึ่งเป็นบัตรที่จำเป็นต้องมีเงินในบัญชี ถึงจะสามารถใช้จ่ายบัตรได้จากเงินออมของเรา สมัครได้กับธนาคารต่างๆ บัตรกดเงินสด เป็นบัตรที่เลือกทำกับบริษัทบัตรกดเงินสด อนุมัติวงเงินจากฐานเงินเดือนของเรา เป็นการใช้จ่ายเงินในอนาคต ด้วยดอกเบี้ยที่ต่ำหากใช้ในการกดเงินจากตู้กด แต่ถ้าหากนำบัตรไปรูดซื้อของ ดอกเบี้ยจะค่อนข้างสูงกว่าการกดเงินจากตู้กดเองกว่ามาก บัตรเครดิต เป็นบัตรที่จะสามารถเลือกทำกับธนาคารหรือบริษัทที่ให้บริการก็ได้ อนุมัติวงเงินโดยตั้งจากฐานวงเงินของเราหรืออาจจะสูงกว่ากี่เท่า ขึ้นอยู่กับแต่ละผู้ให้บริการ เป็นบัตรที่ใช้จ่ายเงินในอนาคตเช่นเดียวกับบัตรกดเงินสด แตกต่างเพียงตรงที่บัตรเครดิต จะใช้ในการรูดบัตรซื้อของ รูดบัตรใช้จ่าย รูดบัตรผ่อนของ ด้วยดอกเบี้ยที่ต่ำหรืออาจจะเป็นศูนย์เปอร์เซ็นต์ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละผู้ให้บริการ หากนำไปกดเงินสดออกมาใช้จ่าย ดอกเบี้ยจะสูงกว่าเรทรูดบัตรใช้จ่ายอย่างแน่นอน เราจึงควรเลือกใช้บัตรให้ถูกประเภท ลักษณะการใช้เสมอ เพื่อป้องกันหนี้ที่จะเพิ่มพูลในอนาคต และ เลือกสมัครบัตรกับผู้ให้บริการที่ให้สิทธิพิเศษจากการเป็นสมาชิกผู้ถือบัตร จะช่วยให้เราได้รับบริการและสิทธิพิเศษ พร้อมประโยชน์อีกมากมายนับไม่ถ้วน
บัตรเครดิต KTC เป็นบัตรที่ผู้ถือบัตรหลายต่อหลายคน ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยบัตร KTC เป็นบัตรที่ให้สิทธิประโยชน์ พร้อมโปรโมชั่นต่างๆ มากมายสำหรับผู้ที่ถือบัตร ถือว่าเป็นข้อดีสำหรับการครอบครองบัตรเครดิต KTC เลย อาทิเช่น
- ค่าธรรมเนียมฟรี
- ผู้สมัครไม่จำเป็นต้องมีฐานเงินเดือนสูง ก็สามารถสมัครได้
- อนุมัติผ่านง่าย
- ดอกเบี้ยต่ำ
- ชำระง่าย สามารถหักผ่านบัตรของธนาคารกรุงศรี โดยไม่มีค่าธรรมเนียม
- สามารถยื่นขอสมัครบัตรเสริมง่าย เมื่อผ่านการสมัครบัตรหลักแล้ว ไม่ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม
- สิทธิพิเศษขอใช้ห้องรับรอง Airport Lounge จากสนามบินทั่วประเทศ และ ในต่างประเทศฟรี
- ขอเพิ่มวงเงินฉุกเฉินได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- ส่วนลดต่างๆ มากมายจากร้านอาหารชั้นนำ
- เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบในการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น เพราะบัตร KTC จะมีการร่วมมือกับร้านค้าต่างๆ ในญี่ปุ่น ทำให้สามารถซื้อโดยไม่เสียภาษีหรือส่วนลดอีกมากมายเช่นเดียวกัน
ในการยื่นขอสมัครบัตรเครดิตกับทาง KTC นั้น จะใช้เวลาประมาณ 10 วันทำการหลังการยื่นเอกสารขอสมัครบัตร ทางบริษัทจะนำเอกสารของผู้สมัครเข้าสู่ระบบเพื่อตรวจเช็คข้อมูลก่อนการอนุมัติ โดยทาง KTC จะมีการใช้โปรแกรมจากระบบส่วนกลางในการประเมินผล เพื่อตรวจเช็คภาระหนี้สินของผู้ยื่นขอสมัครบัตร KTC ว่าเครดิตเก่าติดบูโรไหม สอบถามบุคคลอ้างอิงที่กรอกมาในใบสมัครของผู้สมัคร และ สถานที่ทำงาน และหากพบว่าผู้ยื่นขอสมัครบัตร KTC มีเครดิตเสีย เป็นบุคคลแอบอ้าง และ ไม่น่าจะสามารถผ่อนชำระได้ในอนาคต จะทำให้บัตรไม่ถูกอนุมัติ แต่ถ้าหากยื่นครั้งแรกแล้วได้รับการปฏิเสธจากทาง KTC เราก็ยังสามารถยื่นเรื่องขอสมัครซ้ำได้อีก หลังจากผ่านการยื่นเรื่องครั้งก่อนไปแล้วเป็นเวลา 6 เดือน เป็นต้นไป ในระหว่าง 6 เดือนนั้น เราจำเป็นต้องสร้างเครดิตทางการเงินที่ดี เพื่อที่ในการยื่นครั้งต่อไป ทาง KTC จะนำไปพิจารณาใหม่ มีโอกาสที่จะผ่านการอนุมัติมากกว่า
บัตรเครดิต KTC กับข้อเสียที่ต้องตัดสินใจ
นอกจากข้อดีที่ได้กล่าวไปทั้งหมดข้างต้นแล้ว ก็ใช่ว่าบัตรเครดิตจากทาง KTC จะไม่มีข้อเสียเลยซะทีเดียว เพราะไม่ว่าอะไร ทุกอย่างก็ต้องมีสองด้านเสมอ เมื่อมีข้อดี ก็ย่อมต้องมีข้อเสียด้วยเช่นเดียวกัน ผู้สมัครจึงจำเป็นต้องศึกษาก่อนตัดสินใจเลือกสมัครบัตรเครดิตกับแต่ละผู้ให้บริการเสมอ เพื่อประกอบการพิจารณาการเลือกสมัครบัตร โดยข้อเสียของบัตรเครดิต KTC นั้น อาจจะไม่ได้มีมากมาย แต่ก็สำคัญสำหรับผู้ครอบครองบัตรบางคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน
- โปรโมชั่นธรรมดาทั่วไป ไม่มีอะไรโดดเด่น
- ใช้บัตร KTC กดเงินสด ค่าธรรมเนียม 3 เปอร์เซ็นต์ของยอดการถอน แถมอัตราดอกเบี้ยที่คิดเป็นรายวันอีกด้วย
- คะแนนสะสมที่ถึงแม้จะไม่มีวันหมดอายุ แต่ก็ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่
- บางบัตรเครดิตของ KTC ไม่สามารถใช้นั่ง Airport Lounge ในประเทศไทยได้
ทั้งหมดที่ยกมาเป็นข้อเสียของบัตรเครดิต KTC ที่จะช่วยให้ผู้สมัครใช้ประกอบในการตัดสินใจ ถ้าหากว่าไม่สนใจกับข้อเสียที่มีมากนัก บัตร KTC ถือว่าเป็นอีกบัตรหนึ่งที่มีความน่าสนใจมากทีเดียว
บัตรเครดิต KTC บัตรไหนที่เหมาะกับคุณ
ทาง KTC มีการออกบัตรมาให้ผู้สมัครได้เลือกสมัครมากมายหลากหลาย ตามแต่ละสไตล์ ตามแต่ละความชอบ และ ฐานเงินเดือนถึงกับคุณสมบัติที่ทางบัตร KTC ตั้งไว้ โดยในวันนี้ ทาง investingchoices ได้รวบรวมข้อมูลของ บัตรเครดิต KTC 9 ประเภทที่น่าสนใจกันว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
1.KTC Royal orchid plus titanium mastercard
รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท/เดือน
บัตรเครดิตประเภทนี้เป็นบัตรเครดิตที่เหมาะสำหรับนักเดินทาง เพราะบัตรเครดิต KTC Royal orchid plus titanium mastercard เป็นบัตรที่พ่วงกับการบินไทย เมื่อใช้บัตรซื้อตั๋วการบินไทย จะสามารถได้รับสิทธิประโยชน์มากมายจากทางการบินไทย ใช้ในการสะสมไมล์ได้อีกด้วย
2.KTC Royal orchid plus JCB platinum
รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท/เดือน
บัตรเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะทุกการใช้จ่ายจะได้รับคะแนน x2 รับคะแนนสะสมไมล์ 500 คะแนนจากการบินไทย มีบริการ Airport Lounge ในญี่ปุ่นมากกว่า 28 แห่ง ฮ่องกง เกาหลี สิงคโปร์ จีน และฮาวาย พร้อมบริการเลขาส่วนตัวผ่าน JCB Plaza ทั่วโลก
3.KTC FICO visa platinum
รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท/เดือน
บัตรเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการท่องเที่ยว จะได้รับสิทธิพิเศษมากมายจากการ กิน พัก เที่ยว ที่พักที่ได้ส่วนลดสูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ร้านอาหารร่วมรายการที่ลดอีกมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ให้ผู้ครอบครองบัตรได้เพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนที่แสนวิเศษ
4.KTC Bangkok airways titanium mastercard
รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท/เดือน
เป็นบัตรที่มีสิทธิพิเศษร่วมกับสายการบิน Bangkok Airway ใช้ในการสะสมคะแนนแลกเที่ยวบินฟรี ส่วนลด 30 เปอร์เซ็นต์สำหรับ booking class Y จากทุกเส้นทางการเดินทาง ส่วนลด 10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับที่นั่งราคาปกติ ประกันการเดินทางต่างประเทศที่สูงถึง 4,000,000 บาท
5.KTC Platinum mastercard
รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท/เดือน
บัตรที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการช้อปปิ้ง เพราะจะมีประกันสินค้าทุกรายการ การใช้จ่าย ส่วนลดอีก 400 บาท เมื่อช้อปปิ้งผ่านพันธมิตรออนไลน์ที่ร่วมรายการ ทำให้มั่นใจทุกครั้งในการใช้จ่ายซื้อสินค้า
6.KTC X World reward
รายได้ขั้นต่ำ : 50,000 บาท/เดือน
บัตรที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์มากมายเหนือระดับ ห้องรับรองในการเดินทางจาก Royal Sink 2 ครั้ง/ปี ประกันการเดินทางสูงถึง 20 ล้านบาท สะสมคะแนน KTC forever x3 เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรครบทุก 300,000 บาท คะแนน KTC forever 25,000 คะแนน จะสามารถนำไปแลกรับบัตรกำนัล Starbucks มูลค่า 5,000 บาทได้ ส่วนลด 10 เปอร์เซ็นต์เมื่อเช่ารถกับ Hertz ส่วนลด 400 บาท เมื่อช้อปปิ้งผ่านพันธมิตรออนไลน์ที่ร่วมรายการ
7.KTC World reward
รายได้ขั้นต่ำ : 50,000 บาท/เดือน
บัตรที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์มากมายเหนือระดับ ห้องรับรองในการเดินทางจาก Royal Sink 2 ครั้ง/ปี สะสมคะแนน KTC forever x2 ส่วนลด 10 เปอร์เซ็นต์เมื่อเช่ารถกับ Hertz ส่วนลด 400 บาท เมื่อช้อปปิ้งผ่านพันธมิตรออนไลน์ที่ร่วมรายการ
8.KTC Cash back visa platinum
รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท/เดือน
บัตรเงินคืนที่จะให้เงินคืนทุกครั้ง ทุกยอดที่ใช้จ่ายผ่านบัตร KTC รับเงินคืนสูงสุด 0.8 เปอร์เซ็นต์ ประกันการเดินทาง 8 ล้านบาท บัตร KTC Cash back visa platinum ใบนี้จะให้อารมณ์ประมาณเป็นคุณนายหรือผู้บริหารระดับสูง นั่งสบายๆ ไม่อยากลงไปวุ่นวายมาก มีผลตอบแทนก็จะได้รับจากการใช้จ่ายในทุกๆยอดไม่ต้องมานั่งสะสมอะไรให้เสียเวลา ไม่ว่าจะซื้อขนม น้ำอะไรที่มันเล็กน้อยก็ตาม แต่สำหรับผู้ใช้งานบางท่านก็จะไม่ค่อยชอบ เพราะ มันเหมือนเบี้ยหัวแตก ที่คืนมาทุกเดือนก็จริง แต่ที่เราใช้จ่ายโดยรูดบัตรเครดิต ไปมันเยอะกว่ามาก ทำให้หักล้างกันแล้วไม่ค่อยเห็นผลตอบแทนที่ชัดเจนเป็นก้อนเงินใหญ่ๆ
9.บัตรเครดิต KTC สำหรับอาชีพอิสระ
บัตรเครดิต KTC สำหรับอาชีพอิสระหรือ ฟรีแลนซ์ เป็นอาชีพที่มีความยืดหยุ่นทางรายได้มาก ทำให้มีข้อจำกัดมากมายในการสมัครบัตรเครดิต แต่ทาง KTC ได้ออกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ รองรับกลุ่มอาชีพอิสระได้อย่างลงตัว ซึ่งจะมี 3 ประเภทบัตรหลัก ได้แก่
KTC I am platinum master card
รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท/เดือน
ตอบโจทย์การใช้ชีวิตไม่ว่าจะกิน ช็อป เที่ยว สิทธิพิเศษมากมายไม่ว่าจะเป็นส่วนลดหรือคะแนนสะสมจากร้านค้าร่วมรายการ สามารถผ่อนชำระสินค้าด้วยอัตราดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์นานถึง 10 เดือน
KTC Dhipaya insurance platinum master card
รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท/เดือน
บัตรที่สามารถได้รับเครดิตเงินคืน 2 เปอร์เซ็นต์ สูงสุด 1,000บาท/รอบบัญชี ผ่อนชำระเบี้ยประกัน 0 เปอร์เซ็นต์นาน 6 เดือน ได้รับสิทธิพิเศษจากการซื้อประกันภัยทุกประเภทในราคาสุดพิเศษ
KTC Bangkok airways visa platinum
รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท/เดือน
บัตรที่พ่วงกับสายการบิน Bangkok Airway ได้รับส่วนลดสูงสุด 30 เปอร์เซ็นต์ในเดือนเกิด บริการ Blue Ribbon Club Lounge สำหรับเส้นทางภายในประเทศ 1 ครั้ง โปรโมชั่นจากร้านค้าที่ร่วมรายการมากมาย
บัตรเครดิต KTC ที่นำมาเสนอ มีให้เลือกมากมาย ตอบโจทย์ต่อทุกการใช้งาน เพียงเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ก็จะทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์มากมายนานัปการเพียงจากการครอบครองเป็นผู้ถือบัตรเท่านั้น.