หนึ่งในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิค-19คงหนีไม่พ้นหุ้นขนส่งมวลชนอย่างหุ้น BTS เนื่องจากภาครัฐรณรงค์ให้คนไทยกักตัวเองอยู่ที่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส สิ่งที่ตามมาก็คือการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะลดน้อยลงเป็นอย่างมาก หลายๆบริษัทสนับสนุนให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน และประชาชนส่วนใหญ่หันมาใช้บริการเดลิเวอรี่สินค้ามากยิ่งขึ้น แทนการออกจากบ้านเพื่อไปรับประทานอาหารหรือซื้อสินค้า

แล้วหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับหุ้น BTS? ในบทความนี้เราจะมาทำการวิเคราะห์กัน ทั้งในแง่ของผลประกอบการในอดีต การปรับตัวให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ปัจจุบัน และแนวโน้มของบริษัทในอนาคต

หุ้น BTS ปันผล

1.หุ้น BTS คือหุ้นอะไร

บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ที่ทุกๆคนเรียกว่าบีทีเอส จริงๆแล้วประกอบไปด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ ธุรกิจบริการ โดยมีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนับเป็นหุ้น BlueChip ที่อยู่ในดัชนี SET50 ถือว่าเป็นหุ้นที่มีการแข่งขันทางธุรกิจที่ดีเพราะว่ามี Barriers of entry ที่ดี หมายความว่าคู่แข่งไม่สามารถเข้ามาแข่งเพื่อแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไปได้ง่ายๆ ในลำดับถัดไปเราจะไปย้อนดูผลประการย้อนหลังของบริษัท ว่ามีความสามารถในการทำกำไรได้มากน้อยแค่ไหน

“ถึงแม้ว่าผลประกอบการในอดีตจะไม่ใช่เครื่องมือที่จะเอามาวัดผลได้ในอนาคต แต่ถ้าบริษัทสามารถรักษาอัตตรากำไรได้เป็นระยะเวลานานก็มีแนวโน้มที่บริษัทจะสามารถทำกำไรได้ในอนาคตเช่นกัน”

2.งบการเงินของบริษัท BTS แข็งแกร่งแค่ไหน?

วิเคราะห์หุ้น bts
ราคาหุ้น bts ย้อนหลัง

สิ่งที่เราให้ความสนใจหลักๆเลยคือบริษัทสามารถสร้างกำไรได้หรือไม่ เพราะหลายๆบริษัทมีรายได้ที่สูงหลักพันล้านหมื่นล้านที่ไม่สามารถทำกำไรได้ เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ไม่ดีพอซึ่งจากงบการเงินแสดงให้เห็นว่าบริษัทบีทีเอสสามารถทำกำไรได้ติดต่อกันทุกปี ย้อนหลัง3ปี ตั้งแต่ 2560-2562 นั่นหมายความว่าบริษัทมีความแข็งแกร่งในการทำกำไร และถ้าดูในส่วนของสินทรัพย์ของบริษัทจะสังเกตุได้ว่าบริษัทมีการซื้อหรือสร้างสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทในระยะยาว

จากข้อมูลเบื่องต้นสามารถสรุปได้ว่าหุ้นบีทีเอสเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีเหมาะสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นพื้นฐานดีๆเพื่อถือยาวๆได้อย่างสบายใจเพราะเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังจากเหตุการณ์ไวรัสโควิค-19 ผู้คนยังคงต้องการความสะดวกสบายในการใช้บริการขนส่งมวลชนซึ่งบริษัทบีทีเอสยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆของทุกคนและในอนาคตถ้าความเจริญขยายวงกว้างมากขึ้นสิ่งแรกที่จะตามไปด้วยคือระบบขนส่งมวลชน เพราะไม่ว่าบีทีเอสจะขยายไปทางไหน พื้นที่สองข้างทางแนวรถไฟฟ้าจะได้รับอานิสงค์ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นราคาที่ดินที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ห้างร้าน ที่พักอาศัย ล้วนได้รับประโยชน์กันทั้งนั้น ถือได้ว่าเป็นหุ้นที่พร้อมที่จะเจริญเติบโตไปพร้อมๆกับประเทศไทยอย่างแท้จริง

3.แล้วตอนนี้ยังน่าลงทุนหรือเปล่า สายไปแล้วรึยัง?

“It’s far better to buy a wonderful company at a fair price, than a fair company at a wonderful price.” – Warren Buffett.

หมายความว่า: มันดีกว่ากันมากที่จะซื้อบริษัทที่ดีเยี่ยมในราคาที่เหมาะสม มากกว่าบริษัทที่เหมาะสมในราคาที่สูงเกินไปอย่างที่เกริ่นไปในย่อหน้าที่แล้วบีทีเอสเป็นหุ้นที่จะเติบโตไปพร้อมๆกับการเจริญเติบโตของประเทศ ซึ่งผมเชื่อว่าประเทศไทยยังสามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้อีกมากๆจึงไม่แปลกเลยที่จะคิดว่าหุ้นตัวนี้ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว ซึ่งเราต้องมาดูกันว่า ณ ตอนนี้คนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นคิดว่าหุ้นบีทีเอสแพงไปรึยัง

หุ้น BTS ปันผล

จากข้อมูลข้างต้น สิ่งที่เราให้ความสนใจคือค่า P/E หรือ Price/Earning หมายความง่ายๆว่าหุ้นตัวนี้แพงหรือถูกไปรึยัง ซึ่งตอนนี้ค่า P/E ของบีทีเอสอยู่ที่ 30.02 แปลว่านักลงทุนที่ลงทุนวันนี้คาดว่าจะได้ทุนคืนในอีก 30ปี เมื่อเทียบกับอัตราการหารายได้ของบริษัท แต่! เราต้องทำการเปรียบเทียบกับค่า P/E ของกลุ่มอุสาหกรรมเดียวกัน ซึ่ง ณ เวลานี้ ทำการซื้อขายกันอยู่ที่ P/E 69.23 ซึ่งเมื่อเราเปรียบเทียบแบบนี้แล้วเราจะรู้ว่าหุ้นบีทีเอสยังถือว่าถูกกว่าหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มอุสาหกรรมเดียวกัน

ค่า P/E สำคัญยังไง?

ค่าP/Eเป็นค่าแรกๆที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญโดยเฉพาะนักลงทุนสายเน้นคุณค่าเพราะว่าจะทำให้ได้รู้ว่าหุ้นตัวนี้ถูกหรือแพงเกินความเป็นจริงหรือไม่ และทำการเข้าซื้อในจังหวะที่หุ้นมีมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริงและขายในช่วงที่หุ้นทำราคาสูงเกินไปเพื่อทำกำไร สรุปได้ว่าค่า P/E ยิ่งต่ำยิ่งดีตามหลักการของการลงทุน

แต่ในโลกความเป็นจริงอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะว่าการขึ้นลงของราคานั้นไม่ได้อาศัยแค่ข้อมูลจากงบการเงินเพียงอย่างเดียว ยังมีอีกหลากลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น อย่างที่เราอาจจะคุ้นเคยกัน หุ้นที่พื้นฐานดี งบกำไรขาดทุนสวยงาม แต่ราคาหุ้นกลับไม่ไปไหน แต่กลับกัน หุ้นที่ผลประกอบการออกมาติดลบหรือขาดทุน แต่ราคาหุ้นกลับทำ New high หรือราคาสูงสุดใหม่ มันเป็นไปได้ยังไง เพราะอะไร ก่อนอื่นเรามาดูกราฟราคาหุ้นของ BTS กัน

อนาคตหุ้นbts

จากรูป จะเห็นได้ว่า ณ วันที่ 27/05/63 ราคาหุ้น BTS ซื้อขายกันอยู่ที่ 11.90 บาทต่อหุ้น หลายคนอาจจะสงสัยว่าราคานี้คือถูกหรือแพงกันแน่ ควรเข้าไปซื้อเลยมั้ยหรือสำหรับคนที่มีหุ้นอยู่แล้วควรขายเลยมั้ย ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าการเข้าซื้อหรือขายหุ้นนั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน ไม่มีถูกผิด สำหรับบางคนที่เน้นการลงทุนแบบเน้นคุณค่าอาจจะดูพื้นฐานแล้วยอมรับได้ที่ราคานี้ เพราะไม่ได้สนใจการขึ้นลงของราคา ถ้าหุ้นมีพื้นฐานดี ค่า P/E ต่ำก็สามารถซื้อเก็บได้โดยไม่ให้ความสำคัญกับราคาเท่านักลงทุนระยะสั้น ซึ่งชอบในการหาจังหวะลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อทำกำไรในระยะเวลาสั้นๆ
วิเคราะห์จากกราฟ จากจุดต่ำสุดของราคาหุ้นอยู่ที่ 7.90บาท ราคา ณ วันที่ 27/05/63 ราคาอยู่ที่ 11.90บาท หรือขึ้นมา 4บาท ภายในระยะเวลาสั้นๆ คิดเป็น 50.63% ซึ่งถือว่ารุนแรงและรวดเร็วมาก

คาดการณ์แนวโน้มราคาระยะสั้น ซื้อเลยดีมั้ย?


“นักลงทุนไม่ซื้อหุ้นช่วง Panic” เพราะนักลงทุนจะซื้อแบบใจเย็น โดยไม่กลัวซื้อราคาสูง เพราะนักลงทุนซื้อทันเสมอ และจะซื้อในราคาที่ “ซื้อยังไงก็ไม่ขาดทุน”-ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

สำหรับคนที่เข้าซื้อที่จุดต่ำสุดนั้นอาจจะมีการขายทำกำไรออกมาแล้วบางส่วน ซึ่งก็สอดคล้องกับค่า MACD ที่เริ่มทำการตัดลง แสดงให้เห็นถึง Momentum ของหุ้นที่อ่อนลง ถ้าจะให้วิเคราะห์ จะบอกได้ว่า ณ ตอนนี้ที่ราคา 11.90 อาจจะเข้าซื้อได้แต่อาจจะเหลือ Gapให้ทำกำไรระยะสั้นได้อีกไม่มากแล้ว หรืออาจจะเป็นจุดพักฐานหลังจากที่หุ้นขึ้นมาอย่างรุนแรง ราคาหุ้นอาจจะลงมาพักฐานที่แนวรับสำคัญที่ 11.00-11.50 บาทก่อน ซึ่งเป็นจังหวะที่เข้าซื้อที่เหมาะสมกว่าการเข้าซื้อที่ราคา 11.90บาท

4.เทรนของโลกกับบริษัท BTS ในอนาคตจะเป็นอย่างไร?

ต้องยอมรับว่าสามารถมองได้หลากหลายมุมมอง แต่ถ้าจะให้เป็นกลางที่สุด หลังจากเหตุการแพร่ระบาดของไวรัสโควิค-19 New normal จะเกิดขึ้น คือ ผู้คนอาจจะต้องดูแลและรักษาความสะอาดมากขึ้น ผู้คนอาจจะได้รับมอบหมายให้สามารถทำงานที่บ้านได้ การที่จะออกไปในที่ๆมีผู้คนเยอะๆอาจจะเป็นความเสี่ยง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับทางบริษัท BTS แน่นอน แต่ผมก็ยังเชื่อว่าหลังจากผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ประเทศไทยจะกลับมาเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจไปอย่างรวดเร็ว อาจจะมีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนแรงงานคนในภาคอุสาหกรรการผลิตหรือบริการ

ถ้าบริษัทสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ ก็จะสามารถอยู่รอดได้ในโลกธุรกิจ ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ในภาคธุรกิจขนส่งมวลชนเหมือนกัน แต่รถขนส่งสาธารณะหรือรถเมล์ที่เราใช้กัน ไม่ยอมปรับตัวให้เข้ากับโลกของเทคโนโลยี ต่อให้จะมีผู้ที่ยังใช้บริการจำนวนมาก แต่ก็ยังประสบกับภาวะขาดทุนเรื้อรัง ในทางตรงกันข้าม

ถ้าบีทีเอสสามารถนำเทคโนโลยีมาปรับใช้อาจจะทำให้ต้นทุนการให้บริการลดลง ส่งผลให้บริษัททำกำไรได้มากขึ้นในระยะยาว

ความคิดเห็นส่วนตัวต่อหุ้น BTS

โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง เนื่องจากแทบจะไม่มีคู่แข่งตรงๆ จึงถือว่าเป็นธุรกิจกึ่งผูกขาด ทำให้สามารถกำหนดราคาขายได้เองตามความต้องการ เพราะผู้ใช้บริการไม่มีทางเลือกอื่นให้เปรียบเทียบ ซึ่งมองในมุมนักลงทุนถือว่าดีเยี่ยม บวกกับบริษัทจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องและอยู่ในเกณฑ์ที่ถือว่าดี เหมาะกับนักลงทุนเน้นคุณค่าแน่นอน ในมุมของนักเก็งกำไรเหมาะหรือไม่ อาจจะขอบอกว่าตอนนี้ต้องระวังความผันผวนของราคาดีๆ เพราะว่าในช่วงวิกฤตอะไรก็เกิดขึ้นได้ เข้าไวออกไว เลือกจังหวะเข้าและออกอย่างมีระบบรองรับ ไม่ใช่ใช้อารมณ์ ต้องเข้มงวดกับตัวเองให้มากกว่าช่วงตลาดปกติ

ส่วนตัวมองว่าในอนาคตบีทีเอสยังคงเติบโตต่อได้อย่างแน่นอน เพราะว่ายังสามารถขยายแนวรถไฟฟ้าไปตามพื้นที่ต่างๆได้ เนื่องจากมีความต้องการจากผู้คนที่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางด้วยรถขนส่งสาธารณะ พูดง่ายๆคือให้มองประเทศที่พัฒนาแล้ว ทุกประเทศจะมีระบบขนส่งที่ครอบคลุมในหลายๆพื้นที่ในเมืองหลวง ไปจนถึงการเดินทางข้ามจังหวัด ยังมีโอกาสสำหรับบีทีเอสอีกเยอะในการสร้างรายได้ นอกจากการขนส่งมวลชนแล้ว ยังมีธุรกิจสื่อที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างกำไรให้กับบริษัท ยังไม่รวมถึงอสังหาที่บีทีเอสเป็นเจ้าของที่ซึ่งราคาที่ดินเพิ่มขึ้นทุกปี สรุปได้ว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจ

There is a risk in everything, so be prepared for the ups and downs. https://www.investopedia.com

ผู้เขียน
อภิภู อัครมโนธรรม ที่ปรึกษาการเงิน (IC, Derivative, IP, FChFP license)
ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Wealth Innovation Consulting จำกัด
เจ้าของเพจลงทุน Investonia