มาในปี 2020 กับ 10 เฟรนไชส์ดาวรุ่งพุ่งแรงของธุรกิจ SME โดยข้อมูลของ bangkok bank sme กล่าวถึงกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีกระแสดีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2548 และมีแนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้นแม้ในปัจจุบันจะมีการถดถอยของเศรษฐกิจเนื่องจากการได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 แต่ก็สามารถยังพลิกโฉมบางธุรกิจเฟรนไชส์ให้กลับมาตีตลาดได้ โดยข้อดีของเฟรนไชส์ก็คือ จะได้รับวัตถุดิบ อุปกรณ์ และแผนการลงทุนจากเจ้าของเฟรนไชส์โดยไม่ต้องจัดหาเอง แต่สิ่งที่ต้องมีคือเงินลงทุน และความตั้งใจเพราะเม็ดเงินจะเพิ่มขึ้น หรือลดลงขึ้นกับความตั้งใจ การเรียนรู้ การรู้จักปรับตัวให้ก้าวทันยุคทันสมัย และคงระดับคุณภาพให้คงที่ หรือยิ่งดีมากขึ้น
วันนี้จึงขอนำทุกท่านมารู้จักกับ 10 เฟรนไชส์ที่ได้ผ่านการรวบรวม และคัดสรรมาแนะนำ ดังต่อไปนี้
1.เฟรนไชส์เครื่องดื่มชานมไข่มุก (ฺBuble Tea)

สังเกตได้จากร้านค้าร้านขายหลากหลายแบรนด์ตั้งอยู่ติดกันแทบทุกตารางนิ้วทั่วกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ จากสถิติของ Grabfood เมื่อปี 62 ถึงการบริโภคชานมของคนไทยโดยเฉลี่ยถึงวันละ 6 แก้วซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในอาเซียนโดยมูลค่าประมาณ 2.5-3 พันล้านบาท และยังคาดว่าภายในปี 2566 ยอดขายจะแตะถึงมูลค่าแสนล้านบาทกันเลยทีเดียวซึ่งยังรวมไปถึงธุรกิจร้านกาแฟที่มียอดขายเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน มาดูกันสิว่ามีเฟรนไชส์แบรนด์ใดน่าสนใจกันบ้าง
Nobicha
เงินลงทุน: ราคาเริ่มต้นลงทุนเฟรนไชส์ประมาณ 200,000 บาท
จุดเด่น คือ แบรนด์ติดตลาด ราคาถูกเริ่มต้นที่ 19 ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 ปีขยายสาขาได้มากกว่า 700 สาขา
Ochaya
เงินลงทุน:ราคาเริ่มต้นลงทุนเฟรนไชส์ประมาณ 350,000 บาท
จุดเด่น คือ วางกระจายในทำเลที่น่าลงทุนเช่น ตามสถานีรถไฟฟ้า และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลซึ่งตอนนี้มีสาขามากกว่า 200แห่ง
Zero Kcal x Kalamare
เงินลงทุน: ชานมน้องใหม่ของคุณกาละแมร์ที่ราคาเริ่มต้นลงทุนเฟรนไชส์เพียง 190,000 บาท
จุดเด่น คือ เครื่องดื่มที่การันตีด้วยแคลอรีต่ำเหมาะสำหรับท่านที่รักสุขภาพ แม้จะเปิดได้ไม่นานแต่สามารถขยายการตลาดได้ถึง 123 สาขา
Fresh me
เงินลงทุน: ราคาเริ่มต้นลงทุนเฟรนไชส์ประมาณ 390,000 บาท
จุดเด่น คือ ดำเนินธุรกิจมายาวนานมากกว่า 8 ปีการันตีด้วยสาขาที่มากกว่า 100แห่งทั่วประเทศ โดยมีเมนูให้เลือกมากกว่า 33 รายการ
Chapayom
เงินลงทุน: เฟรนไชส์ที่กระจายอยู่ที่ทั่วไทยในราคาเริ่มต้นเพียง 65,000 บาท
จุดเด่น คือ มีชื่อเสียงโดยกระจายทั่วทั้งประเทศ และทุกเมนูราคาเพียง 25 บาท
จะเห็นได้ว่าเฟรนไชส์ชานมที่นำมาฝากแก่ทุกท่านจะเป็นแบรนด์ตลาดที่ราคาตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงแสนโดยอาจจะยังไม่รวมค่าพื้นที่ และการตกตกแต่งร้าน แต่จะได้ทั้งวัตถุดิบ และอุปกรณ์ครบอย่างแน่นอน
2.เฟรนไชส์อาหารเพื่อสุขภาพ (Healthy Food)

ปัจจุบันเทรนด์อาหารคลีนกำลังมาแรงเนื่องจากผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพด้วยการหันมาดูแลตนเองด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และโภชนาการครบ 5 หมู่ จึงส่งผลให้ธุรกิจเฟรนไชส์อาหารเพื่อสุขภาพได้รับความนิยมตามไปด้วยซึ่งมีหลากหลายร้าน และหลากหลายราคาให้เลือกลงทุน ดังนี้
เฟรนไชส์น้ำสลัด 7 สี
เงินลงทุน: ที่มีราคาในการเริ่มลงทุนเพียง 2,999 บาท
จุดเด่น คือน้ำสลัดแบบคลีนไม่มีมายองเนส ไม่ใส่ไข่ซึ่งทำจากผลไม้แท้100 % แต่ยังคงความอร่อยให้แก่ผู้ที่รับประทาน อีกทั้งเจ้าของแฟรนไชส์ยังเผยเคล็ดลับวิธีการทำน้ำสลัดในแต่ละขั้นตอนให้อีกด้วย
สลัด กู๊ดเดย์ เพื่อสุขภาพ
เงินลงทุน: ในราคาเพียง 29,000 บาทและ 4,9000 บาท
จุดเด่น คือ ร้านสลัดผักอินทรีย์ 100% มาพร้อมสูตรน้ำสลัดแบบเฉพาะจากทางร้าน ให้ท่านได้เรียนฟรีและสามารถเปิดจําหน่ายได้ทันที
มิสเตอร์สลัด
เงินลงทุน: ราคาเริ่มต้นเพียง 25,000 บาท
จุดเด่น คือ มีน้ำสลัดให้เลือกมากกว่า 10 รสชาติไม่ว่าจะเป็น วาซาบิ พริกไทยดำ ผลไม้รวม ซีอิ้วญี่ปุ่น โยเกิร์ตสตรอว์เบอร์รี วาซาบิ และอื่นๆ
3.ธุรกิจอาหารไซส์ยักษ์ (Big Size Food)

ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่กําลังมาแรงเนื่องจากให้ความรู้สึกแปลกใหม่แก่ผู้บริโภค โดยเน้นความหลากหลายของอาหารภายในจานเดียวได้อย่างจุใจทำให้ผู้ทานรู้สึกคุ้มค่าคุ้มราคา เรามาดูกันซิว่ามีธุรกิจแฟรนไชส์อาหารไซส์ยักษ์อะไรบ้าง
สเต็กถาดยักษ์
เงินลงทุน: เงินลงทุนเพียง 9,900 บาทเท่านั้น
จุดเด่น คือ มีสเต็กที่มีเลือกมากกว่า 30 เมนู
เล้งแซ่บบรม
เงินลงทุน: งบการลงทุนเพียง 35,000 บาท
จุดเด่น คือ กรรมวิธีในการทำอาหารโดยการนำกระดูกหมูมาต้มให้เปื่อย เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปรสชาติเผ็ดร้อนแซ่บถึงใจ
บะหมี่ถาดกระทะเล้ง
เงินลงทุน:ราคาเริ่มต้นเพียง 29,900 บาท
จุดเด่น คือ ให้สูตร ดูแล และสอนวิธีการทำจนสามารถเปิดร้านได้
4.แฟรนไชส์ชาบูเดลิเวอรี่ (Shabu Delivery)

หากพูดถึงชาบู คือหนึ่งในเมนูที่ถูกใจเหล่าบรรดาคนรัก Buffet แต่สำหรับบางคนก็ไม่ได้อยากออกไปนั่งที่ร้านการมีบุฟเฟ่ต์จัดส่งแบบ delivery จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มาดูกันซิว่ามีร้านอะไรกันบ้าง
I am shabu
เงินลงทุน: ราคาลงทุนเริ่มต้นเพียง 189,800 บาท
จุดเด่น คือ จุ่มชาบูปิ้งย่างแซ่บที่มาพร้อม น้ำจิ้มรสเด็ดและน้ำซุปที่อร่อย การันตีโดยสาขาที่เปิดมากกว่า 45 แห่งโดยทีมบริหารมืออาชีพ
ชาบูซูชิแซ่บเวอร์
เงินลงทุน: ราคาเริ่มต้นในการลงทุนประมาณ 300,000 บาท
จุดเด่น คือ ชาบูสไตล์ญี่ปุ่นที่ผสมความเป็นลูกอีสานโดยคุณอี๊ดโปงลางสะออนซึ่งเป็นเจ้าของแฟรนไชส์โดยรับประกันถึงรสชาติที่อร่อยให้ความแซ่บซี้ดอย่างแน่นอน
Tasty Shabu Delivery
เงินลงทุน: ราคาเริ่มต้นเพียง 150,000 บาท
จุดเด่น คือ เน้นความสด สะอาด และมีคุณภาพในราคาถูก
Daddy Shabu
เงินลงทุน: ในราคาเริ่มต้นลงทุนเพียง 50,000 บาท
จุดเด่น คือ ชาบูแบบโฮมเมด (Homemade) ที่ใส่ใจรายละเอียดและทุกขั้นตอนในการทำก่อนจัดส่งถึงมือลูกค้าแบบเดลิเวอรี่
5.แฟรนไชส์ปิ้งย่างหมาล่า (Ma la)

แฟรนไชส์ที่ใช้งบลงทุนน้อย แต่กำไรงดงามเนื่องจากเป็นอาหารสตรีทฟู้ดที่ทานได้ง่ายและมีรสชาติที่เผ็ดร้อนถูกใจคนไทยที่เราพบเห็นได้ตามถนนคนเดินและตลาดจึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางธุรกิจที่เหมาะแก่การลงทุน
ปากชาหม่าล่า
เงินลงทุน: ราคาเริ่มต้นประมาณ 45,000 บาท
จุดเด่น คือ หม่าล่าสไตล์ยูนานต้นตำรับจากประเทศจีนที่ให้ความเผ็ดร้อนจนลิ้นชาแถมราคาย่อมเยาที่มาพร้อมแผนการตลาดในการช่วยโปรโมตโดยเจ้าของ
หมาล่าซะปะกริลล์
เงินลงทุน: ราคาเริ่มต้นลงทุนประมาณ 1,200 – 4,000 บาท
จุดเด่น คือ ขายส่งพริกหมาล่าพร้อมบอกวิธีการทำทุกขั้นตอน
MALAH BOX BOG
เงินลงทุน: ชุดแฟรนไชส์แบบยกเซตในราคาเพียง 9,900
จุดเด่น คือ ได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจ
หมาล่ากวนอู
เงินลงทุน: ราคาเริ่มต้นลงทุนที่ 8,500 บาท
จุดเด่น คือ หมาล่าที่มีกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัว เสริมด้วยความเผ็ดชาแบบถึงใจจึงโดนใจทุกเพศทุกวัย
6.แฟรนไชส์บิงซู (Bingsoo)

หนึ่งในเทรนด์ขนมหวานที่ถูกใจสายของหวานด้วยความละเอียดของเกล็ดน้ำแข็ง และท็อปปิ้งที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายจนกลายเป็นเมนูสุดฮิตในปัจจุบันแต่งบลงทุนเฟรนไชส์จะเท่าไรกัน
Bingsu Expert
เงินลงทุน: เริ่มต้นลงทุนด้วยงบเพียง 14,900 บาท
จุดเด่น คือ เครื่องทำบิงซูที่มีมาตรฐานผลิตจากไต้หวัน มีสอนขั้นตอน และวิธีการทำแบบตัวต่อตัวจนจบครบทุกคอร์ส
Bingsu Boy
เงินลงทุน: งบลงทุนเพียง 24,900 บาท
จุดเด่น คือ ราคาขายเริ่มต้นที่ 79 บาทที่จะเน้นให้ลูกค้าทานง่าย เน้นสะดวกไม่ว่าอยู่ที่ไหน และเหมาะกับทุกเพศทุกวัน อีกทั้งยังใส่ถึงภาพลักษณ์ คุณภาพ และบรรจุภัณฑ์อีกด้วย
Freeztory Dessert
เงินลงทุน: เริ่มต้นการลงทุนด้วยงบเพียง 29,000 บาท
จุดเด่น คือ ได้อุปกรณ์สำหรับเปิดร้านครบเซต งบลงทุนไม่แพงมากแต่มีเมนูให้เลือกอย่างหลากหลาย และสามารถจัดหาพื้นที่ขายสำหรับผู้ที่สนใจร่วมลงทุน
7.แฟรนไชส์ซูชิ (Shushi)

เมนูอาหารญี่ปุ่นทานง่าย เต็มคำ มีให้เลือกหลากหลายหน้าที่มีจำหน่ายแทบทุกพื้นที่ไม่ว่าตามห้าง ถนนคนเดิน หรือตลาดนัดทั่วไป โดยเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นการลงทุนเฟรนไชส์
Sushi Bear Fire หมีพ่นไฟ
เงินลงทุน : เริ่มต้นที่ 39,900-139,900 บาท
จุดเด่น คือ ซูซิคำโตย่างไฟที่มีรสชาติเฉพาะตัวผ่านการผสมผสานอย่างลงตัวทั้งไทย และญี่ปุ่นโดยมีราคาเริ่มต่อคำเพียง 10 บาท
Samurai salmon
เงินลงทุน : เริ่มต้นที่ 15,000 – 35,000 บาท
จุดเด่น คือ เนื้อปลาแซลม่อนดิบถาดใหญ่ และเมนูอื่น ๆ ที่เริ่มต้นเฟรนไชส์ราคาถูกกว่าแบรนด์อื่น ๆ
ซูซิล้นปาก
เงินลงทุน : เริ่มต้นที่ 5,500-9,990 บาท
จุดเด่น คือ ราคาเฟรนไชส์ เริ่มต้นราคาเพียงชิ้นละ 5 บาท/คำ มีหลายหน้า คอร์สสอนแบบตัวต่อตัว และมีการโปรโมตร้านผ่านสื่อต่างๆ
8.แฟรนไชส์ไก่ทอดเกาหลี (Korea Chicken)

หนึ่งในอาหารเกาหลีที่มาตีตลาดในประเทศ และมีกระแสนิยมค่อนข้างดี นั่นก็คือ ไก่ทอดเกาหลีซึ่งเรามักจะได้ยินชื่อเสียงจากร้านดังอย่าง ร้านอาหารบอนชอน แต่สำหรับผู้ที่มีความต้องการเริ่มต้นลงทุน ขอแนะนำ
Chichon (Korean Fried Chicken)
เงินลงทุน : เริ่มต้นที่ 89,000 – 120,000 บาท
จุดเด่น คือ ซอสสูตรพิเศษถูกปากคนไทย ไม่เก็บค่าธรรมเนียมรายปี ชุดอุปกรณ์พร้อมขาย ระยะคืนทุนเพียง 1 – 3 เดือน
ไก่ทอดกรอบเกาหลี ดร.ฟ้า
เงินลงทุน : เริ่มต้นที่ 200,000 – 500,000 บาท
จุดเด่น คือ น้ำซอสที่ผสมผสานความเป็นไทยที่ให้รสเผ็ดแบบเกาหลี แต่ได้กลิ่นน้ำปลาแบบคนไทยให้ได้รับประทานในราคาที่ไม่แพง
คิมคุณ
เงินลงทุน : เริ่มต้นที่ 600,000 – 5,000,000 บาท
จุดเด่น คือ ร้านไก่ทอดที่เป็นต้นตำรับจากเกาหลีโดยมาพร้อมเมนูอื่น ๆ ไม่ว่าซุป อาหารจานเดี่ยวให้ลูกค้าได้มาสัมผัสถึงความเป็นเกาหลี
9.แฟรนไชส์เฟรนฟรายชีส (French Fries with
Cheese)

ของทานเล่นในหมู่เด็กวัยรุ่นให้ได้ความรู้สึกของมันฝั่งไปพร้อมกับรสชาติของชีสเพิ่มความฟินในการรับประทาน
ชีสซี่ฟราย สแน็ค
เงินลงทุน : เริ่มต้นที่ 29,900 บาท
จุดเด่น คือ มันฝรั่งเกรด A จากอเมริกา รสชาติซอสเข้มข้น ไม่เลี่ยนมีให้เลือกถึง 3 รสชาติ และสามารถคืนทุนได้ภายใน 3 เดือน สำหรับชีสนำเข้าจากนิวซีแลนด์ธรรมชาติสูงจากนมวัวแท้ 100%
TORO FRIES เฟรนช์ฟรายส์ยาว
เงินลงทุน : เริ่มต้นที่ 22,900 บาท
จุดเด่น คือ ได้รับอุปกรณ์พร้อมขาย ราคาเริ่มต้นเพียง 49 – 89 บาท มีการสุ่มตรวจคุณภาพสินค้า และช่วยโปรโมตร้าน
Mr.Cheese
เงินลงทุน : เริ่มต้นที่ 19,900 – 34,900 บาท
จุดเด่น คือ มีให้เลือกมากกว่า 6 รสชาติ มีคอร์สสอนตั้งแต่ต้นจนสามารถเปิดร้านได้พร้อมอุปกรณ์ครบเซต ไม่มีสัญญา และไม่ต้องเสียค่าสัญญารายปี
10.แฟรนไชส์ขนมปังปิ้ง (ฺToast)

เมนูทานเล่นทำง่ายที่ทานได้ในทุกเพศทุกวัย มีหลายหน้า หลายรสชาติให้ได้เลือก หากลงทุนก็คืนกำไรเร็ว
Pungman
เงินลงทุน : เริ่มต้นที่ 8,900 – 19,900 บาท
จุดเด่น คือ ผงไส้ขนมปังสำเร็จรูปเก็บได้นานกว่า 6 เดือน คู่แข่งน้อย ต้นทุนต่ำ คืนทุนเร็วภายใน 1 – 2 เดือน ออกแบบเมนูมาอย่างหลากหลาย เปิดขายได้ทุกที่
ปังลาวา
เงินลงทุน : เริ่มต้นที่ 39,000 บาท
จุดเด่น คือ ได้รับอุปกรณ์ และคอร์สสอนการทำตั้งแต่ต้นจนจบ โปรโมตร้านฟรี มีไส้ให้เลือกมากกว่า 19 ชนิดในราคาเพียงชิ้นละ 25 บาท
ปังอั้ยยะ
เงินลงทุน : เริ่มต้นที่ 49,999 บาท
จุดเด่น คือ มีขนมปังให้เลือกถึง 3 แบบทั้งปังนม ปังชาโคล และปังโฮลสวีต มาพร้อมไส้ให้เลือกกว่า 12 ชนิด ราคาเริ่มต้นที่ 25 – 35 บาท/ชิ้น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 เฟรนไชส์ในปี 2020 ที่กำลังมาแรงโดยมีราคาลงทุนในแต่ละธุรกิจตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักแสนซึ่งเหมาะสำหรับหลายท่านที่ต้องการจะเริ่มต้นธุรกิจแต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมถึงทำเลที่ตั้ง และปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย รวมไปถึงการศึกษาก่อนลงทุนเพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจ ให้มีแผน และทิศทางในการลงทุนแบบมั่นคง